วันคุ้มครองโลก

CLEANSE THE WORLD, CLEANSE THE MIND WITH MEDITATION

นั่งสมาธิและจุดประทีปพร้อมกันทั่วโลก

ผ่าน App Zoom ร่วมคุ้มครองโลกให้เกิดสันติภาพด้วยกัน

วันศุกร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2565

ปัจจุบันปัญหาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมเป็นพิษได้ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเกี่ยวกับน้ำเสีย อากาศเป็นพิษ หรือการตัดไม้ทำลายป่าที่ส่งผลให้เกิดวาตภัย หรืออุทกภัยอย่างฉับพลัน นอกจากนั้นก็ยังมีปัญหาสิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นปัญหาโลก เช่นปัญหาการเกิดปรากฎการณ์เรือนกระจก หรือ Green House Effect ปัญหาปริมาณโอโซนในบรรยากาศลดลง หรือปัญหาพลังงานของโลกที่จะต้องหามาทดแทนการใช้น้ำมัน เป็นต้น

วันคุ้มครองโลก (Earth Day)

วันคุ้มครองโลก ถือเป็นวันสำคัญของขบวนการอนุรักษ์ธรรมชาติทั่วโลก ตรงกับวันที่ 22 เมษายน ของทุกปี  ซึ่งวันคุ้มครองโลกนี้ถือกำเนิดในวันที่ 22 เมษายน 2513  เป็นวันที่เราจะได้รำลึกถึงสิ่งแวดล้อม และใคร่ครวญว่าเราจะต้องทำอะไรอีกบ้างเพื่อปกป้อง ของขวัญที่ธรรมชาติมอบแก่โลกของเราใบนี้

ขณะที่โรคระบาดโควิด 19 ได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งโลกตั้งแต่ต้นปี 2563 จนถึงปัจจุบันนี้ มีผู้คนทั่วโลกติดเชื้อโคโรนาไวรัสรวมกันมากกว่าหนึ่งร้อยล้านคน และมีพลเมืองโลกเสียชีวิตไปหลายล้านคน โรคระบาดนี้ได้ทำให้มนุษย์ได้ตระหนักถึงความไม่มั่นคงในชีวิตในสเกลที่ใหญ่มาก ความเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อมโลกต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน

ยิ่งไปกว่านั้น เลขาธิการสหประชาชาติ ฯพณฯ อันโตนิโอ กูเตอร์เรสได้กล่าวถึงผลกระทบในด้านสังคมและเศรษฐกิจจากโควิด 19 ว่า “ถ้าหากพวกเราได้ใส่ใจในเรื่องการพัฒนาอย่างยั่งยืนและข้อตกลงปารีสในเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศให้มากกว่าแล้วหละก็ พวกเราคงสามารถจัดการกับการเปลี่ยนแปลงนี้ได้ดียิ่งกว่า”

มีองค์กรเอกชนหลายแห่งที่คอยสังเกตการณ์เกี่ยวกับ กิจกรรมตามโรงเรียนและสวนสาธารณะหลายพันแห่งที่จัดขึ้นในวันนี้ ประเทศต่างๆ ทั่วโลกจะจัดกิจกรรมต่างๆ ในวันคุ้มคองโลก  ช่วยย้ำเตือนว่าจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมเป็นส่วนหนึ่งของสำนึกของประชาชนทั่วประเทศและการพิทักษ์สิ่งแวดล้อม ทำให้เราได้นึกถึงความรับผิดชอบมากขึ้นในฐานะผู้อยู่อาศัยบนโลกใบนี้ และนับเป็นโอกาสอันดีที่เราจะได้มาทบทวนกิจกรรมต่างๆที่มีผลกระทบต่อโลก หรืออีกนัยหนึ่งคือสิ่งแวดล้อมและกิจกรรมใดก็ตามที่เราสามารถทำเพื่อทำให้โลกใบนี้น่าอยู่ยิ่งขึ้น

สิ่งที่เปลี่ยนแปลงโลก

ปัจจัยแวดล้อมของโลกได้เปลี่ยนแปลงไปทุกวันจากสาเหตุหลัก 2 ประการ คือ ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ และการกระทำของมนุษย์
1.ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม ไฟป่า และพายุ ล้วนแต่เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติที่ทำให้โลกเกิดเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา โลกที่เราอาศัยอยู่ทุกวันนี้เกิดจากการทำงานของธรรมชาติ เหตุการณ์เหล่านี้ล้วนส่งผลต่อโลกซึ่งยากต่อการควบคุม และไม่อาจควบคุมได้
 

2.การกระทำของมนุษย์ เช่น การตัดไม้ทำลายป่า การทดลองนิวเคลียร์ การสร้างมลพิษทางน้ำและอากาศ รวมไปถึงการใช้ทรัพยากรธรรมชาติโดยสิ้นเปลือง ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยที่ทำให้สภาพแวดล้อมในโลกเสื่อมโทรมลงและบางทีมันอาจควบคุมได้

ปัญหาของโลกที่เกิดขึ้นมาจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาตินั้น เมื่อวิเคราะห์ให้ลึกลงไปแล้วนั้น สาเหตุก็มาจากฝีมือมนุษย์เสียส่วนใหญ่  จะเห็นได้ว่ามนุษย์เป็นสาเหตุหลักของปัญหาสิ่งแวดล้อมทั้งทางตรงและทางอ้อม จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่มนุษย์จะต้องเปลี่ยนการกระทำต่างๆที่ไม่ดีต่อโลกใบนี้  ซึ่งการกระทำที่ไม่ดีเหล่านี้ เกิดจากอุปนิสัยที่เห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ และเมื่อสืบสาวย้อนกลับไปว่าอุปนิสัยที่เห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้นี้เกิดมาจากอะไร  ก็จะพบว่า สาเหตุนั้นมาจากความคิด หรือทัศนคติที่ไม่ดีเกิดขึ้นมาก่อน 

ทัศนคติที่ดีและไม่ดีของคนมีผลต่อโลก

บุคคลคนหนึ่งที่มีทัศนคติที่ไม่ดี มีความเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ มีความมักง่ายเอาแต่สะดวกตนเองเป็นหลัก โดยไม่สนว่าสิ่งแวดล้อมจะเป็นอย่างไรนั้น  ก็จะเป็นผลกระทำต่อสิ่งแวดล้อมที่เป็นทั้งสิ่งมีชีวิต และสิ่งไม่มีชีวิต  ความมักง่ายจากคนๆหนึ่ง กระทบไปยังสิ่งแวดล้อม บุคคลรอบข้าง และยิ่งถ้าบุคคลรอบข้างนั้นก็มีทัศนคติที่เห็นแก่ได้ มักง่ายเช่นกัน ผลกระทบที่ไม่ดีนี้ก็จะยิ่งขยายไปในวงที่กว้างขวางขึ้นอย่างรวดเร็วจนยากที่หยุดได้ 
ทัศนคติที่ไม่ดี เกิดจากใจมนุษย์ที่มีความทุกข์ ผู้ที่มีความทุกข์ใจไม่ผ่องใสอยู่เสมอ การพูดและการกระทำของเขาจะไปกระทบกระทั่งกับคนรอบข้าง ทำให้เกิดความทุกข์ไปด้วย  ยกตัวอย่างเช่น ขยะที่ถูกทิ้งไม่เป็นที่เป็นทาง ทำลายธรรมชาติทะเล แม่น้ำ เป็นผลกระทบต่อสัตว์และมนุษย์จำนวนมาก  ที่เขาทำเช่นนี้ทั้งๆที่รู้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดี แต่ก็ยังทำ นั่นก็เพราะนิสัยที่คุ้นเคย และทัศนคติ ความคิดที่คิดแค่ง่ายหรือสะดวกสำหรับตนเอง โดยที่ไม่คิดถึงผลกระทบที่ตามมา
ในทางตรงกันข้าม คนที่มีความสุขหรือคนที่มีจิตใจผ่องใสนั้น เขาจะไม่ทำอะไรให้คนอื่นมีความทุกข์  เขาจะคิด จะพูด จะทำอะไรออกมาก็จะมีแต่สิ่งดีๆที่ไม่ไปก่อความเสียหายทั้งบุคคลรอบข้างหรือสิ่งแวดล้อม

ซึ่งใจที่ผ่องใสนั้นเปรียบเสมือนน้ำที่ใส เห็นปลาในน้ำได้อย่างชัดเจน ผู้ที่มีใจที่ผ่องใส เขาจะสามารถไตร่ตรองเรื่องราวต่างๆได้อย่างละเอียด เมื่อพบปัญหาหรือเรื่องราวต่างๆ ก็จะเห็นต้นตอของปัญหาได้อย่างชัดเจน  และสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกจุด ไม่ว่าจะเป็นปัญหาน้อยใหญ่ ตลอดจนถึงปัญหาระดับสังคม ประเทศ หรือระดับโลก สุดท้ายปัญหาเหล่านั้นก็จะถูกคลี่คลายได้ในที่สุด

การปลูกฝังทัศนคติที่ดีเริ่มจากการฝึกใจให้ผ่องใส

การปลูกฝังทัศนคติที่ดีในการรักษาโลกนี้ สามารถสร้างได้โดยผ่านการทำสมาธิ การทำสมาธิทุกๆวันเป็นการฝึกฝนใจให้ผ่องใสอยู่เสมอ  ซึ่งวิธีการทำได้อย่างง่ายๆดังนี้คือ  ในขณะที่คุณหลับตา  ขอให้ปล่อยวางเรื่องราวต่างๆไว้ชั่วคราว  เหมือนห้วงความคิดของคุณว่างเปล่า  โล่ง ๆ  แล้วลองหายใจลึกๆ  เบาๆ  คุณจะสังเกตว่า  ตรงบริเวณที่สุดลมหายใจในกลางท้องคุณ     เป็นจุดที่สบายที่สุด  จุดดังกล่าวนี้เอง  จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ของคุณจะพบใจของคุณเอง  ซึ่งแท้ที่จริงก็คือจุดศูนย์กลางกายที่มีอยู่ในตัวมนุษย์ทุกคน จากนั้นคุณลองนึกสมมติว่ามีดวงแก้วกลม ใส สว่าง  เหมือนดวงอาทิตย์ยามเที่ยงวัน  หรือดวงจันทร์ในคืนวันเพ็ญหรือดวงดาวที่ส่องแสงเปล่งประกายใสสว่างในยามค่ำคืน  ให้มาปรากฏลอยอยู่   ณ  ศูนย์กลางกาย หรือกลางท้องของคุณตรงนี้   พอคุณลองนึกแล้ว อาจจะมีความฟุ้งซ่านคิดถึงเรื่องต่างๆอยู่บ้าง  ขอให้ทำใจเย็นๆ ค่อยๆนึก พร้อมกับท่องประโยคใดประโยคหนึ่งที่สั้นๆ  เบาๆ คล้ายๆกับดังออกมาจากกลางท้อง     หรือกลางดวงสว่างในกลางท้องของคุณ   เช่น  คำภาวนาสั้นๆ ว่า “สัมมาอะระหังๆ ๆ”  หรือ  “หยุด  นิ่ง  สบาย”  หลาย ๆ ครั้ง    จนกว่าคุณจะรู้สึกว่าคุณ เริ่มปลอดจากความคิดอื่นใด     นอกจากความรู้สึก ที่เริ่มสัมผัสกับความสว่างและสงบภายใน

วิธีการฝึกนี้   แม้ดูเหมือนจะเป็นบทฝึกเบื้องต้น แต่เราสามารถฝึกฝนได้ตลอด   ทุกอิริยาบถ โดยขอให้กำหนดนึกถึงภาพดวงแก้วใสสว่างและท่องเบา ๆ ในใจอย่างนี้ อย่างสม่ำเสมอ ต่อเนื่องจนกลายเป็นอุปนิสัย  แล้วคุณจะพบว่า คุณกำลังพบกับสิ่งมหัศจรรย์และเริ่มพบกับการเปลี่ยนแปลง  ของร่างกายและจิตใจที่เริ่มมีการพัฒนาในทางที่ดีของชีวิตทีละน้อยๆ  แม้จะยังไม่สามารถรู้สึกได้ภายในหนึ่งหรือสองชั่วโมง   แต่ขอให้คุณทำต่อไป   เพราะคุณยังต้องใช้เวลาที่ต่อเนื่องสม่ำเสมอ เสมือนดังเช่น การปลูกต้นไม้ที่คุณเริ่มจากการเพาะเมล็ดพันธุ์ แล้วเริ่มงอกงาม จากต้นกล้าเล็ก ๆ จนเติบโตกลายเป็นต้นไม้ใหญ่  ค่อยเป็นค่อยไป โดยที่เราไม่อาจกำหนดวัดได้ว่า   ขนาดของต้นไม้นั้นโตขึ้นวันละเท่าใด

สันติสุขภายใน แผ่ขยายสู่สันติภาพภายนอก

จากหลากหลายความคิดที่วุ่นวายเริ่มเบาบางจนเหลือเพียงหนึ่ง และในที่สุดสามารถหยุดนิ่งเป็นหนึ่งเดียวกับความสว่างของดวงแก้วใสกระจ่างในกลางกาย  เมื่อเป็นเช่นนี้  คุณก็จะพบ กับความสุขอันบริบริสุทธิ์และเป็นความสุขที่คุณสัมผัสได้ด้วยตัวคุณเอง  สามารกล่าวได้ว่าเป็นความสุขอันประณีตที่ใครๆ  ก็สามารถทำได้ ทุกคนไม่ว่าเขาเหลานั้นจะมีเชื้อชาติ  ภาษาหรือ ยังนับถือความเชื่อในศาสนาใด  เพราะนี่เป็นความสุขของมนุษยชาติ เป็นความสุขที่ ไม่ต้องไปแสวงหาหรือไขว่คว้ามาจากสิ่งภายนอก และที่สำคัญคือ ถ้ามนุษย์ทุกคนเพียงลงมือทำเท่านั้น ก็จะได้รู้จัก “ใจ” ของตนเอง  และถ้าสามารถควบคุม “ใจ” ตนเองให้มีการแสดงออกเป็น ความคิด คำพูด การกระทำที่ดีงามและเหมาะสมแล้ว  ย่อมจะเกิดความเข้าใจในความรู้สึก ของผู้อื่น   รู้จักยับยั้งชั่งใจ  แยกแยะได้ว่า อะไรคือสิ่งที่ถูก   อะไรคือสิ่งที่ผิด   และอะไรคือ ความดี อะไรคือความชั่วและถ้าหากคนในครอบครัว  สังคม กระทั่งทั่วทั้งโลกได้ลองฝึกฝนสมาธิจนบรรลุผลเช่นนี้แล้วทุกคนจะได้สัมผัสและบอกกับตนเองว่านี้คือความสุขที่แท้จริงเป็น  “สันติสุขภายใน”  ที่จะทำให้เกิด “สันติภาพภายนอก”  เป็นสันติภาพบริสุทธิ์ที่มิใช่ได้มาด้วยการใช้กำลังอาวุธ  หรือการมีชัยชนะจากสงคราม  และวิธีการนี้ถือได้ว่า เป็นการคุ้มครองโลก ได้อย่างแท้จริง

เมื่อเราสว่าง โลกก็สว่างด้วย

จากบทฝึกใจเบื้องต้นที่ได้กล่าวมานั้น คือการปฏิบัติ “สมาธิ”  หรือการทำใจให้สะอาดบริสุทธิ์  อันเป็นแนวทางที่จะสร้างสรรค์ให้เกิดสันติภาพแก่สังคมมนุษย์ได้ (Clean the World , Clean the Mind)  สิ่งนี้เองเป็นมโนปณิธานของหลวงพ่อธัมมชโย ที่ปรารถนาจะนำเอาวิธีการ ปฏิบัติสมาธิออกเผยแผ่ให้ชาวโลกได้ค้นพบ ความมหัศจรรย์แห่งชีวิตภายในตัวของแต่ละคน เพราะความรู้ดังกล่าวนี้ มิใช่เป็นทฤษฎีแห่งความเพ้อฝัน  แต่เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้จริงและสามารถเห็นผลได้จริง และนำไปสู่สันติภาพได้จริง      เพราะใจของมนุษย์นั้นมีอานุภาพอย่างมหาศาล     แต่ตราบใดที่ใจของมนุษย์ยังถูกครอบงำด้วยความโลภ ความโกรธ และ ความหลง  เมื่อนั้นมนุษย์ย่อมต่อสู้แก่งแย่งและเบียดเบียนซึ่งกันและกัน      ดังเช่นในประวัติศาสตร์อันยาวนานของมวลมนุษยชาติในประเทศต่างๆมักจะพบว่ามีความขัดแย้งและสงครามมาโดยตลอดทุกยุคทุกสมัย
อะไรเล่าเป็นสาเหตุที่แท้จริงของสงคราม และการทำลายโลก   ถ้าไม่ใช่  “ใจ”  ของมนุษย์ที่ยังไม่พบแหล่งแห่งสันติสุข อันจะก่อให้เกิดสันติภาพแก่มวลมนุษยชาติอย่างแท้จริง ดังที่หลวงพ่อธัมมชโยได้เคยกล่าวไว้ว่า
 

“ใจของมนุษย์เรานั้น  สามารถเป็นจุดเริ่มต้นของทั้งสงครามและสันติภาพได้ ถ้าใจของผู้คนเต็มไปด้วยความเร่าร้อน  อันเกิดจากความโลภ หรือความโกรธหรือความหลงก็ตาม   ความรู้สึก นึกคิดที่เป็นชนวนของความขัดแย้งก็เกิดขึ้น สงครามและการต่อสู้ที่ระเบิดมาทางปากกระบอกปืนซึ่งระบาดไปทั่วโลกและทำให้เกิด ความทุกข์ทรมานของชีวิตล้วนเริ่มต้นจากไฟในใจคนเปรียบเสมือนประกายไฟของหัวไม้ขีดก้านเล็กๆ ที่ ลุกลามเผาไหม้บ้านเมืองให้ย่อยยับได้ ในขณะเดียวกัน

เมื่อใดที่ใจของเหล่ามวลมนุษย์สงบเยือกเย็น เต็มเปี่ยมไปด้วย  สติ และปัญญา  ความสุขที่ไม่มีประมาณย่อมก่อเกิดขึ้น  ยังผลเป็นสันติภาพที่แวดล้อมตัวบุคคล  ครอบครัว  ชุมชน  สังคม ประเทศชาติ  และประชาคมโลก  กลายเป็นสันติภาพโลก ที่เกิดขึ้นจาก สันติสุขภายใน เพราะฉะนั้น   ใจจึงเป็นอุปกรณ์สำคัญที่อาจนำมาได้ทั้งสงครามโลก   หรือ   สันติภาพโลก เฉกเช่นเดียวกัน”

กิจกรรมของที่วัดพระธรรมกาย

วันคุ้มครองโลกเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีที่วัดพระธรรมกาย เพื่อเป็นการยืนยันว่าสันติภาพที่แท้จริง เริ่มต้นได้จากสันติสุขภายใน ซึ่งในปีนี้ทางวัดพระธรรมกายจะขอเชิญชวนทุกท่าน ไม่ว่าท่านจะอยู่ ณ ที่ใด มุมใดในโลกใบนี้ นับหมื่นนับแสนคน มาร่วมกันคุ้มครองโลกด้วย  ด้วยการจุดประทีป และทำสมาธิในเวลาเดียวกัน  ผ่านแอพพลิเคชั่น Zoom ภาพของพวกเราทุกคนจะมาปรากฏรวมกันที่หน้าจอขนาดใหญ่ บริเวณด้านหน้าของพระมหาธรรมกายเจดีย์ ณ วัดพระธรรมกาย ประเทศไทย เสมือนพวกเราทุกคนได้มาจุดประทีปและนั่งสมาธิร่วมกัน

เมื่อพวกเราทุกคนพร้อมกันกลั่นใจให้ผ่องใส  แบ่งปันความรักความปรารถนาดีโดยการแผ่เมตตาจากใจของเรา กระแสแห่งความบริสุทธิ์นี้จะขยายไปสู่บุคคลรอบข้างอันเป็นที่รักของเราทุกๆคน ญาติสนิทมิตรสหาย  รวมถึงสรรพสัตว์ทั้งหลายให้มีแต่ความคิด ความปรารถนดีซึ่งกันและกัน  ตลอดจนถึงสิ่งแวดล้อมทั่วทั้งโลก คุ้มครองโลกให้พบสันติภาพและสันติสุขอย่างแท้จริง

พิธีจุดประทีปและนั่งสมาธิทั่วโลก Online
วันคุ้มครองโลก Earth Day
วันศุกร์ที่ 22 เมษายน 2565
กำหนดการ (GMT+7)

19:00 น. พิธีจุดประทีป / นั่งสมาธิ / แผ่เมตตา
19:40 น. พิธีเจริญพระพุทธมนต์ / อธิษฐานจิต
20:25 น. เสร็จพิธี
——————————————
พิธีสวดฉลองชัยสวดมนต์ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร 4,300,000,078 จบ